ครอบครัวไทยนั้นมีเอกลักษณ์ที่แสดงออกถึงความเป็นไทยอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะอยู่แห่งหนตำบลใด ความงดงามของวิถีไทยเหล่านี้ก็จะติดตัวคนไทยไปทั่ว ทุกหน ทุกแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งขนบธรรมเนียม วัฒนธรรมประเพณี รูปแบบของบ้านเรือนพื้นถิ่น ตลอดจนรูปแบบของวิถีการดำเนินชีวิต ซึ่งครอบครัวไทยนั้น จะมีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับสภาพธรรมชาติ แสงแดด สายลม สายฝน สายน้ำ ป่าไม้ ขุนเขาเพราะทุกชีวิตต้องเกื้อหนุน เอื้ออาทรต่อกันมาโดยตลอด เพิ่งจะสูญเสียความสมดุลย์ของระบบทางนิเวศน์วิทยา อันเนื่องมาจากแนวทางการพัฒนาที่มุ่งเน้นวัตถุนิยมมากเกินไปไม่นานมานี้เองครับ
ดังนั้นในรูปแบบชีวิตทีเกื้อหนุนซึ่งกันและกันระหว่างคนกับธรรมชาติเช่นนี้ จึงทำให้เกิดเป็นวิถีการดำเนินชีวิตและคติความเชื่อที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมาเกี่ยวก้อยประสานสอดคล้องให้สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติช่วยเสริมสร้างความเป็นสิริมงคลต่อการดำเนินชีวิตของครอบครัวและเสริมสง่าราศรีให้แก่บ้าน ยกตัวอย่างง่าย ๆ จากพืชพันธุ์ไม้ต่างๆ ที่จะนำมาเพาะปลูกในบริเวณบ้านหรือใส่กระถางในชานเรือนทางหลักเคหะศาสตร์ก็ใช่ว่าจะเลือกกันได้ตามใจชอบ ถึงแม้ว่าจะมีรูปทรงสวยงามมีความน่า สนใจมากกว่าพืชพันธุ์อื่นเพียงใดก็ตาม แต่หากมีที่มาที่ไปรวมทั้งชื่อเรียกที่หลักเคหะศาสตร์ครั้งโบร่ำ โบราณ แนะนำไว้ว่าไม่ดีก็ไม่ควรนำมาปลูกเอาไว้ในบ้าน ถือได้ว่า ต้นไม้เหล่านั้นเป็น "ต้นไม้ต้องห้าม เป็นหนามตำบ้าน" จะทำให้การดำเนินชีวิตตกอับคล้อยไปตามชื่อเรียกของพืชพันธุ์ไม้และลักษณะรูปทรงที่ไม่ดีของพันธุ์พืชไม้เหล่านั้นด้วย
ซึ่งพืชพันธุ์ไม้เหล่านั้นก็เป็นจำพวก ต้นตาล ต้นไทร ต้นสำโรง ต้นระกำ ต้นหวาย ต้นสลัดได และ ต้นโพธิ์ เป็นต้น ซึ่งพันธุ์ไม้เหล่านี้นอกจากไม่เป็นที่แนะนำให้ปลูกตามอาคารบ้านเรือน เพราะจะสร้างความไม่เป็นสิริมงคลแก่บ้านแล้ว ตามหลักการก่อสร้างเองก็ไม่แนะนำเนื่องจากไม้ต้องห้ามบางชนิดเมื่อเจริญเติบโตขึ้นก็จะกลายเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ หากปลูกในบริเวณที่ใกล้บ้าน รากของต้นไม้เหล่านี้รวมทั้งกิ่งก้านสาขาที่แผ่ออกไปทั้งบริเวณจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและโครงสร้างของอาคารบ้านเรือนได้ ที่สำคัญการที่มีรากของต้นไม้ชอนไชเข้ามาใต้ท้องบ้านนั้น ตามหลักเคหะศาสตร์ เชื่อว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดีต่อความเป็นอยู่ของสมาชิกในครอบครัว จะทำให้เกิดความระส่ำ ระส่าย อยู่กันอย่างไม่มีความสุข เหมือนมีสิ่งไม่ดีที่เป็นเสมือนหนามคอยทิ่มแทงให้ต้องเดือดเนื้อร้อนใจอยู่ตลอดเวลา
พันธุ์ไม้อีกประเภทที่หลักเคหะศาสตร์แต่ครั้ง โบร่ำ โบราณ ตักเตือนอยู่เสมอว่า ไม่ควรนำมาปลูกในบริเวณบ้าน ก็คือ พันธุ์ไม้ที่มีหนามเป็นส่วนประกอบ โดยเชื่อว่าหนามที่อยู่ตามกิ่งก้าน สาขา หรือ ตามลำต้นของพันธุ์ไม้นั้นจะเป็น สาเหตุที่นำมาซึ่งอุปสรรค ขวากหนาม ขัดขวางโชคลาภต่าง ๆ ที่จะเข้ามาในบ้าน ทำให้โชคลาภ วาสนา พลอยหดหายตามไปด้วย กิจการงานต่าง ๆ ที่ครอบครัวทำอยู่ก็จะประสบพบเจอแต่อุปสรรคไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควรครับ และเมื่อกล่าวตามความเป็นจริงในการดำเนินชีวิตแล้วนั้น ต้นไม้ที่มีหนามอยู่มาก ๆ หากปลูกในบริเวณอันเป็นสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านโดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณที่ลูก ๆ หลาน ๆ ของท่านที่อยู่ในช่วงเยาว์วัย กำลังซุกซน บรรดาเด็กเล็ก เด็กน้อยวิ่งเล่นกันอยู่ก็อาจก่อให้เกิดอันตรายได้หรือหากต้องการปลูกจริงๆ ก็ให้เลือกปลูกในบริเวณที่มีความเหมาะสม เช่น ใช้เป็นแนวรั้วกั้นอาณาบริเวณและควรจะเป็นบริเวณที่ไม่มีผู้คนพลุกพล่านที่ก่อให้เกิดอันตรายได้ง่ายครับ
ย้อนรอยตำนานทุเรียนโบราณ พันธ์ลึกลับและเป็นที่มาของชื่อทุเรียน พวงมณี
-
ย้อนรอยตำนานทุเรียนโบราณ
พันธ์ลึกลับและเป็นที่มาของชื่อทุเรียน "พวงมณี"
ย้อนรอยตำนานทุเรียนโบราณ
พันธ์ลึกลับและเป็นที่มาของชื่อทุเรียน "พวงมณี"
ทุกครั้ง...
2 วันที่ผ่านมา