หากพูดถึงสัตว์เลี้ยงแล้วคนทั่วไปคงจะนึกถึงสุนัขและแมวเป็นหลัก แต่หลายคนอาจนึกไม่ถึงว่านกพิราบก็เป็นสัตว์เลี้ยงเช่นกัน หลายคนอาจคิดไม่ถึงว่า คุณธนินทร์ เจียรวนนท์ เจ้าของ CP และลูกชายของท่านต่างมีนกพิราบเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรัก และคนที่มีชื่อเสียงทั้งในวงการธุรกิจและวิชาการล้วยเคยมีนกพิราบเป็นสัตว์เลี้ยงอย่างเช่น คุณบุญชัย โชควัฒนา แห่งค่ายสหพัฒน์ คุณวิชญา จาติกวนิช กรรมการผู้จัดการบริษัทมหาชนอย่าง GEN ในตลาดหลักทรัพย์ ศาสตราจารย์ ดร.ธงชัย พรรณสวัสดิ์ นักวิชาการสิ่งแวดล้อม ถ้าจะให้เอ่ยชื่อบุคคลสำคัญๆ คงต้องใช้กระดาษอีกหลายสิบหน้า เพราะมีทั้งอดีตนายทหาร นายตำรวจ นายแพทย์ วิศวกร และสัตวแพทย์ คนสำคัญอีกหลายท่านที่มีนกพิราบเป็นสัตว์เลี้ยงหรืออย่างน้อยก็เคยมีนกพิราบเป็นสัตว์เลี้ยงในช่วงวัยเยาว์ มาถึงตรงนี้หลายท่านอาจจะเริ่มตั้งคำถามในใจแล้วก็ได้ว่า อะไรที่ทำให้คนเหล่านี้หลงใหลในนกพิราบ
นกพิราบก็เหมือนกับแมวหรือสุนัข หากเราปล่อยปละละเลยก็จะเหมือนกับแมวหรือสุนัขจรจัด ซึ่งโดยทั่วไปแล้วนกตามวัดก็เหมือนกับแมวหรือสุนัขตามวัดนั่นเอง นกเหล่านั้นถือว่าเป็นนกป่าที่เราเรียกกันว่านกวัด แตกต่างกับนกพิราบแข่งที่เราเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงโดยสิ้นเชิง หากจะเทียบเคียงก็คงคล้ายกับสุนัขพันธุ์ต่างๆ ที่คนนิยมเลี้ยง ต่างกันที่นกพิราบนั้นได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มานานกว่ามาก ขณะที่สุนัขโดยทั่วไปจะถูกคัดสรรและสร้างสายพันธุ์มาประมาณ 100 ปีนั้น นกพิราบแข่งกลับได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มาแล้วกว่า 200 ปี ในประเทศไทยกีฬานกพิราบแข่งมีมาราว 50 ปี โดยมีการตั้งชมรม สมาคม และสหพันธ์ ขึ้นเพื่อการแข่งขันโดยหลายสมาคมได้ขอรับพระราชทานถ้วยรางวัลเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้แข่งขัน ปัจจุบันประเทศไทยได้มีการจัดการแข่งขันบินเร็วในระดับนานาชาติมาตั้งแต่ปี 1987 เป็นต้นมา โดยนกที่ชนะการแข่งขันจะถูกประมูลซื้อไปเป็นพ่อแม่พันธุ์ในราคาหลายแสนบาท อย่างไรก็ตามสำหรับนักเลี้ยงนกสมัครเล่นในปัจจุบันสามารถหานกพิราบแข่งได้ในราคาไม่กี่ร้อยบาทหรือขอแบ่งปันจากนักเลี้ยงนกมืออาชีพที่อยากสนับสนุนนักเลี้ยงนกหน้าใหม่ได้ไม่ยากนัก
การที่เด็กจะมีสัตว์เลี้ยงนั้น ถือเป็นการฝึกให้เด็กมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ในการที่จะต้องคอยดูแลเอาใจใส่ในเรื่องอาหารการกินตลอดจนสุขภาพของสัตว์ แต่นอกเหนือจากความรับผิดชอบแล้วการเลี้ยงนกพิราบแข่งนั้นเต็มไปด้วยความท้าทายมากมายในการที่จะดูแลเอาใจใส่ตลอดจนฝึกฝนให้ลูกนกเชื่องกรงและสามารถนำไปปล่อยเพื่อให้บินกลับรังหรือกรงนกแข่งในเวลาที่รวดเร็ว เมื่อเทียบกับผู้เลี้ยงนกรายอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นการฝึกให้เด็กเป็นคนช่างสังเกตและรักการอ่านข่าวสารเกี่ยวกับกีฬานกพิราบแข่งและบทความต่างๆ เวลาที่เฝ้ารอคอยแล้วนกสามารถบินกลับมาได้จากการแข่งขัน เป็นเวลาที่ผู้เลี้ยงได้ตื่นเต้นและเห็นความสามารถของนกที่ตนได้ฟูมฟักมา
นกพิราบแข่งนั้นเมื่อนำมาเข้าคู่กันหากนกมีสภาพสมบูรณ์แล้ว ในระยะเวลา 8-9 วัน นกจะเริ่มไข่ใบแรกในช่วงเย็นระหว่าง 17.00-18.00 น. จากนั้นจะเว้นไป 1 วัน แล้วไข่ใบที่ 2 ในวันที่ 3 ในช่วงเวลาประมาณ 14.00-15.00 น. หากไข่มีเชื้อลูกนกตัวแรกจะฟักเป็นตัวในวันที่ 18 และตัวที่ 2 จะเป็นตัวเมื่อครบ 17 วัน ทำให้ลูกนกเกิดมาห่างกันเพียง 1 วัน และพ่อแม่จะเลี้ยงลูกจนโตใกล้เคียงกันในที่สุด เมื่อลูกนกอายุประมาณ 5 วัน ผู้เลี้ยงจะต้องนำห่วงขาของสมาคมมาใส่เพื่อเป็นการระบุหมายเลขติดตัวไปจนตายเพราะขานกจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ภายในระยะเวลาเพียง 3 สัปดาห์ ลูกนกจะเริ่มจิกกินอาหารเองได้และมีขนขึ้นปกคลุมตัวจนเกือบสมบูรณ์ ระยะนี้เป็นระยะที่ต้องเริ่มแยกลูกนกออกจากพ่อแม่เพื่อฝึกให้เชื่องกรง ประมาณวันที่ 25-26 จะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมเพราะลูกนกจะโตพอที่จะดูแลตัวเองได้ และเริ่มจดจำที่อยู่อีกทั้งอยู่ในช่วงหัดบินนกจะไม่บินเตลิดไปที่อื่น ผู้เลี้ยงต้องฝึกให้ลูกนกเข้ากรงเองในช่วงนี้ หากปล่อยให้อายุลูกนกมากจนสามารถบินแข็งและฝึกช้าไปลูกนกมักจะหายเนื่องจากยังไม่คุ้นเคยกับบริเวณบ้านและวิธีเข้ากรง การปล่อยหรือการฝึกให้เชื่องนั้นจะเป็นช่วงเช้าและเย็นโดยยังไม่ควรให้อาหารก่อนปล่อยและใช้การให้อาหารเป็นวิธีเรียกให้ลูกนกเข้ากรง การใช้สัญญาณนกหวีด ผิวปาก หรือใส่อาหารไว้ในกล่องแล้วเขย่าให้นกได้ยินเสียงก็เป็นวิธีการง่ายๆ ในการเรียกนกเพราะนกจะจำเสียงได้และได้ยินเสียงในระยะ 100 เมตรได้อย่างสบายๆ เมื่อลูกนกอายุมากขึ้น มันก็จะบินวนรอบกรงเพื่อเป็นการออกกำลังกายและฝึกจำทิศทางและตำแหน่งที่ตั้งของกรง
นกพิราบเป็นสัตว์ที่ชอบอากาศแห้งและแสงแดด บางครั้งมันจะกางปีกออกเพื่อรับแสงแดด ขณะเดียวกันมันก็ชอบอาบน้ำ เราจึงควรตั้งอ่างอาบน้ำให้นกได้อาบทุก 2 สัปดาห์ ยกเว้นในช่วงที่กำลังฟักไข่เพราะจะทำให้ไข่เสียฟักไม่เป็นตัวหากเปียกน้ำ นกที่มีสุขภาพสมบูรณ์จมูกจะขึ้นแป้งขาว ขนมันนุ่มมีแป้งจับเล็กน้อย ในการฝึกซ้อมเพื่อการแข่งขันนั้น ควรเริ่มจากการปล่อยบินในระยะทางใกล้ๆ แล้วค่อยๆ ขยับระยะทางออกไปในทิศทางที่ จะทำการแข่งขันเช่น เริ่มจากระยะทาง 1 กม. 3 กม. 5 กม. 10 กม. 15 กม. และ 20 กม. จากนั้นจึงส่งเข้าซ้อมกับหน่วยหรือชมรมสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ไม่ควรโหมมากเกินไป หากต้องการแข่งในระยะทางไกลๆ ในการแข่งขันโดยทั่วไปจะแบ่งเป็น 3 เส้นทางคือ สายเหนือจากลพบุรีจนถึงเชียงรายและ แม่สาย สายตะวันออกเฉียงเหนือจากมวกเหล็กจนถึงหนองคาย สายใต้จากหาดเจ้าสำราญจนถึงภูเก็ตและสงขลา เป็นต้น
การเลี้ยงนกพิราบแข่งจึงเป็นการฝึกความสามารถของผู้เลี้ยงที่จะคัดสรรสายพันธุ์ที่สามารถบินในระยะทางที่เหมาะสม เช่น ระยะใกล้ ระยะกลาง และระยะไกล ผู้เลี้ยงต้องศึกษาสภาพอากาศว่า นกต้องบินตามลมหรือทวนลม ต้องบินในสภาพอากาศปลอดโปร่ง มีฝน หรือมีหมอกลงจัด เส้นทางบินต้องข้ามเขาหรือผ่านทะเลหรือบินเลาะมาตามแม่น้ำ เพราะนกแต่ละสายพันธุ์จะมีโครงสร้างและความสามารถที่แตกต่างกัน จึงต้องวางแผนการแข่งขันตั้งแต่ขั้นตอนการเข้าคู่นก เรื่องเหล่านี้ล้วนรอท้าทายความสามารถของผู้สนใจกีฬานกพิราบแข่งว่าจะสามารถประสบความสำเร็จในการแข่งขันมากน้อยเพียงไร
สำหรับผู้สนใจกีฬานกพิราบแข่งควรเริ่มจากการพูดคุยและขอคำแนะนำจากผู้รู้และควรเริ่มจากนกจำนวนน้อยๆ เช่น 2 คู่ โดยควรหานกระยะทางไกลเป็นต้นเหล่า เพราะนกพวกนี้มักจะไม่หาย จะทำให้เกิดกำลังใจในการเลี้ยงแข่งต่อๆ ไป จากนก 2 คู่ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน เราจะได้ลูกนกคู่ละ 2 คอกๆ ละ 2 ตัว รวม 8 ตัว ไว้เป็นนกบินเล่นหรือใช้แข่งต่อไป พ่อแม่นกหากสลับคู่กันใหม่ก็จะได้ลูกนกอีก 8 ตัวรวมเป็นลูกนก 16 ตัว หากนับรวมพ่อแม่ 4 ตัวก็เท่ากับว่า เราได้นกมา 20 ตัวไว้บินเล่นที่บ้านหรือจะส่งเข้าร่วมแข่งขันเพื่อทดสอบความสามารถหาความเพลิดเพลินได้ต่อไป ที่สำคัญอย่าเผลอปล่อยพ่อแม่นกออกไปด้วย เพราะเค้าจะกลับไปกรงเดิมของเขาแทน
ในการเลี้ยงถ้าสามารถแยกกรงตัวผู้ตัวเมียได้ ก็จะช่วยให้ดูแลได้ง่ายขึ้นและไม่ควรเลี้ยงให้แออัดเกินไป ความจุของกรงควรเป็นประมาณ2 ตัวต่อ 1ลบ.ม. ถ้าคิดจะมีนก 20 ตัวก็ควรจะมีกรงขนาดประมาณ 1.5 x 1.8 x 2.0 เมตร (กว้าง x สูง x ยาว) จำนวน 2 กรงๆ ละประมาณ 10 ตัว เชื่อมต่อกัน สำหรับคนที่สนใจการแข่งขันอาจแยกกรงแข่งออกจากกรงพ่อแม่พันธุ์ก็จะทำให้มีโอกาสชนะการแข่งขันมากขึ้น และควรจดบันทึกข้อมูลการเข้าคู่ว่านกตัวใดเข้าคู่กับตัวใดให้ลูกเป็นหมายเลขห่วงอะไร เพื่อประโยชน์ในการผสมพันธุ์ต่อๆ ไป
สำหรับผมเองชอบเลี้ยงแบบมือสมัครเล่นเพราะไม่มีผู้จัดการกรง ต้อยคอยดูแลนกด้วยตัวเองทุกวัน เช้า-เย็น จึงเลี้ยงไว้ไม่มาก พ่อแม่พันธุ์ที่มีก็ล้วนเป็นนกแก่อายุกว่า 12 ปีทั้งสิ้น ตั้งแต่เริ่มกลับมาเลี้ยงใหม่มีสีหมั่งฮวยของ Thomas Peeters สาย St. Vincent สีดำของ Tournier สาย Maradona สีเทาของ Van Den Broucke สาย De Moens และสีกระของ Fabry สาย Mosquito ที่เหลือก็เป็นลูกหลายของนกชุดนี้ ผสมวนเวียนกันไปมาอีก 20-30 ตัว แต่ด้วยลักษณะเด่นของสี หมั่งฮวย นกจึงออกมาเป็นสีหมั่งฮวยเป็นหลัก ซึ่งก็ทำให้ดูเหมือนกรงนกแฟนซี และด้วยความเป็นนกไกลทั้งหมด นกชุดนี้จึงบินสุดสายทุกเส้นทางทั้งแม่สาย ภูเก็ต สงขลา หนองคาย บึงกาฬ และสูญเสียน้อยมาก เพื่อให้รายละเอียดมากขึ้นกับผู้สนใจจะเลี้ยงนกพิราบหรือกำลังเริ่มเลี้ยงนกพิราบ จึงขอสรุปลักษณะกรงที่เหมาะสมและการดูแลสุขภาพนกพิราบสัตว์เลี้ยงมหัศจรรย์ไว้ดังต่อไปนี้ครับ
ลักษณะของกรงนกพิราบที่ดี
1. ต้องระบายอากาศได้ดี ไม่อบหรืออับชื้น เพราะนกพิราบชอบอากาศแห้ง
2. ควรใช้พื้นกรงระบบ deep litter ให้มูลตกผ่านรางเหล็กแบบกรงไก่
3. แสงแดดเข้าถึงเพื่อฆ่าเชื้อโรคและให้นกอาบแดดที่สำคัญฝนต้องไม่สาดเข้ากรง
4. ควรมีกรงแยกตัวผู้ตัวเมียออกจากกันโดยเฉพาะนกพันธุ์
5. ปริมาณนกต่อกรงไม่ควรเกิน 2 ตัวต่อ 1 ลูกบาศก์เมตร นกจะอยู่อย่างสบายไม่จิก ตีกันและมีสุขภาพดี
6. กรงนกควรห่างจากสัตว์เลี้ยงประเภทอื่นโดยเฉพาะแมวและเหยี่ยว
7. ความสูงของกรงไม่ควรเกิน 2 เมตร เพื่อสะดวกในการจับนกไม่ต้องไล่ตะครุบนกให้แตกตื่น หากเด็กเลี้ยงควรสูงประมาณ 1.80 เมตรก็ เพียงพอ
8. ทางเข้ากรงควรอยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากสิ่งกีดขวาง เพื่อสะดวกต่อการร่อนลง โดยเฉพาะในช่วงการแข่งขัน อาจใช้ระบบซองม้าหรือชิ่งและต้องมีที่ปิด (lock) กันแมวหรือสัตว์อื่นเข้ากรง
9. กรงนกแข่งควรแยกออกจากกรงพ่อแม่พันธุ์ เพื่อสะดวกต่อการฝึกซ้อมควบคุมอาหารและดูแลสุขภาพนก
10. ควรทำช่องให้นกเกาะแบบช่องเดี่ยวและอาจเตรียมช่องคู่สำหรับการล่อคู่ หากต้องการใช้ระบบม่ายในการแข่งขัน และที่สำคัญอย่าเลี้ยงนกแน่นเกินไป
11. ตาข่ายที่ใช้ควรเป็นขนาดเล็กเพื่อป้องกันนกกระจอกที่มีไรมากเข้าไปหาอาหารกินในกรงแล้วเอาไรเข้าไปแพร่ให้นกในกรง อีกทั้งอาจแพร่เชื้ออื่นๆ เช่น ขี้ขาว ขี้เขียว จากการเข้าไปดื่มน้ำในกรงนกที่ทิ้งไว้
การดูแลสุขภาพนก
1. การให้อาหาร ควรให้อาหารที่สะอาดในปริมาณที่นกอิ่มในช่วงเช้าและเย็น โดยเก็บอาหารออกทุกครั้ง และควรมีน้ำสะอาดให้นกได้ดื่มระหว่างวัน โดยควรเก็บออกในช่วงค่ำ เพื่อป้องกันสัตว์อื่นเข้าไปดื่มกินและแพร่เชื้อโรคในช่วงดึก
2. สัดส่วนของอาหารควรจัดให้เหมาะสมเช่น ในช่วงผสมพันธุ์ และป้อนลูก นกต้องการโปรตีนสูงจึงควรเพิ่มถั่ว ขณะที่นกปกติควรให้ข้าวเปลือกไม่ต่ำกว่า 50% เพราะจะทำให้นกไม่อ้วน ขนนุ่มและสุขภาพดี
3. อาหารเสริมช่วยย่อยประเภทอิฐหัก ควรมีไว้ตลอดเวลา ควรเสริมผงเกลือแร่และก้อนแคลเซี่ยม เพราะนกพิราบก็ต้องการอาหารครบ 5 หมู่ เช่นเดียวกับคน
4. ในวันที่อากาศดีมีแดด ควรจัดอ่างน้ำให้นกได้ทำความสะอาดตัว โดยตั้งทิ้งไว้ในกรงนกจะลงอาบเล่นเอง บางครั้งอาจเติมเกลือในน้ำเพื่อช่วยไล่แมลงตามปีกและขน และในกรณีที่ตรวจพบไรหรือแมลงวัน ควรผสมยาฆ่าไรนกแล้วนำนกจุ่มน้ำยาทีละตัวโดยกางปีกนกลงจุ่มน้ำทีละข้าง รวมทั้งบริเวณหางซึ่งแมลงวันกินเลือดนกมักจะเกาะอยู่บริเวณหาง สำหรับนกที่สุขภาพดีและได้รับการดูแลอย่างดี มักจะไม่พบปัญหานี้
5. ควรถ่ายพยาธิทุก 6 เดือนโดยเฉพาะช่วงก่อนและหลังฤดูการแข่งขัน เนื่องจากนกต้องแวะลงดื่มน้ำตามธรรมชาติซึ่งมักมีตัวอ่อนของพยาธิประเภทต่างๆ อยู่ในทุ่งนา
6. นกแข่งและนกที่เชื่องกรงควรปล่อยบินออกกำลังกายในช่วงเช้าและเย็น ยกเว้นวันที่ฝนตกหรือสภาพอากาศไม่ดีเช่นหมอกหนา ให้งดการปล่อยบิน
7. ลูกนกควรได้รับวัคซีนในขนาดที่เหมาะสมเพื่อป้องกันโรค เช่น Pox หรือ Paramyxo Virus เช่นเดียวกับแมวและสุนัขที่ต้องทำวัคซีนในช่วงเด็กๆ
8. ก่อนการแข่งขันซึ่งนกต้องไปรวมกับนกหลายๆ กรงและต้องหาอาหารและดื่มน้ำเองในเส้นทางแข่งขันไกลๆ จึงควรให้ยาป้องกันโรคต่างๆ ตามความเหมาะสม อาทิ Trichomoniasis ป้องกัน Canker และ Sulfazine ป้องกัน Coccidiosis เป็นต้น
9. ในกรณีที่มีนกป่วยให้แยกออกจากกรงและรักษาตามอาการ โดยทั่วไปจะมีผลิตภัณฑ์ยาสำหรับนกพิราบโดยเฉพาะ เพื่อรักษาตามอาการต่างๆ
10. นกที่กลับจากการแข่งขันควรให้น้ำผสม Glucose หรือ Electrolite จะช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้นและควรให้อาหารอ่อนในวันที่กลับจากการแข่งขันโดยเน้น ข้าวโพดและ ข้าวกล้องแทนข้าวเปลือก
มาถึงจุดนี้คิดว่าหลายๆ ท่านคงเริ่มหายสงสัยแล้วว่าทำไม นกพิราบจึงเป็นสัตว์เลี้ยงมหัศจรรย์ที่มีคนเลี้ยงและพัฒนาสายพันธุ์มันมากว่า 200 ปี และบุคคลสำคัญหลายๆ ท่านล้วนเคยเลี้ยงนกพิราบมาก่อน อย่างไรก็ตามท่านจะหายสงสัยและเข้าใจได้ดียิ่งขึ้นหากได้ทดลองเลี้ยงนกพิราบและเข้าร่วมแข่งขันในกีฬานกพิราบแข่งในอนาคต
ดร.ธีระชน มโนมัยพิบูลย์
ต้นมะเดื่อ Stranglerต้นไม้แปลกที่มีรูปร่างคล้าย บีบรัด รัดคอ
ในสวนสาธารณะในเมืองหนานหนิง กวางสี ประเทศจีน
-
หาชมยากมากๆต้นไม้แปลกๆๆ
ต้นมะเดื่อ Strangler หรือหมายความว่า ฆ่าผู้อื่นด้วยการบีบรัด รัดคอ
ในสวนสาธารณะในเมืองหนานหนิง กวางสี ประเทศจีน
มะเดื่อ Strangler...
1 สัปดาห์ที่ผ่านมา