ส้วมที่ใช้กันในช่วงเวลานั้นเป็นส้วมหลุมและส้วมถังเท ซึ่งมีกลิ่นเหม็นและป้องกันแมลงวันได้ไม่ดี พระยานครพระรามได้คิดค้นลองทำส้วมหลายแบบ ในที่สุดได้ทดลองทำหัวส้วมที่ช่องปล่อยทิ้งของเสียด้านใต้โถมีลักษณะเป็นท่อ กลมที่โค้งกลับขึ้นด้านบน จึงสามารถขังน้ำไว้ในคอท่อนั้นได้ ส้วมชนิดนี้ใช้น้ำราดให้อุจจาระตกลงไปในบ่อฝังอยู่ใต้ดิน แมลงวันตามลงไปไม่ได้เพราะติดน้ำกั้นอยู่ อุจจาระและน้ำในบ่อจะไหลซึมลงไปในดิน จึงเรียกวิธีการนี้ว่า “ส้วมซึม”
วิธีการนั่งขี้ส้วมคอห่าน |
ระบบส้วมซึมในระยะแรกมีข้อเสียตรงน้ำอุจจาระที่ซึมสู่พื้น ดินเป็นตัวการแพร่เชื้อโรคได้ ต่อมามีการปรับปรุงเป็นระบบบ่อเกรอะบ่อซึม โดยบ่อที่ฝังใต้ดินมักทำจากคอนกรีต แบ่งออกเป็น ๒ ห้องหรือมากกว่า ใช้สำหรับรับอุจจาระจากโถส้วม มีน้ำและแบคทีเรียเป็นตัวย่อยสลาย มีบ่อกรองที่เรียกว่าบ่อเกรอะ แล้วระบายน้ำสู่บ่อซึม ระบบนี้ดีกว่าบ่อซึมแต่ก็ยังไม่ปลอดภัยเต็มที่
หัวส้วมแบบคอห่านและระบบบ่อเกรอะบ่อซึม ซึ่งคนทั่วไปเรียกกันว่า “ส้วมซึม” ได้ เข้ามาแทนที่การใช้ส้วมหลุม ส้วมถังเท ช่วยให้การขับถ่ายในส้วมมีความสะดวกสบายมากขึ้น ด้วยราคาค่าก่อสร้างที่ไม่แพงนัก และยังมีใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
คอห่าน (หรือคอหงษ์) ที่ประดิษฐ์ขึ้นเอง แต่ก็ช่วยเรื่องกลิ่นได้ดี
หรือจะมาถ่ายทุกข์ในรูปแบบของ “ธรณีส้วม” ที่มีลักษณะหน้าตาคล้ายคลึงกับรูปบ้าน แต่กลับไม่ได้ใช้สำหรับนอนเอนกาย แต่เป็นที่สำหรับทิ้งระเบิดลูกเล็กลูกใหญ่ที่ปิดบังได้แค่ร่างกายส่วนล่างเพื่อไม่ให้ประเจิดประเจ้อนัก และยังได้เห็นหน้าค่าตากันอย่างถนัดถนี่ ไม่ว่าจะหันไปสบตากับคนข้างๆ หรือจะทักทายกับคนข้างนอกก็ได้ด้วย
จนกระทั่งพัฒนามาถึง “โถสุขภัณฑ์แบบนั่งราบ” แบบแท้งก์น้ำสูง หรือจะเรียกว่าเป็นส้วมแบบชักโครกในสมัยแรก ที่ได้รับความนิยมในวังต่างๆ ตั้งแต่ปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นต้นมา มีกลไกดึงโซ่ปล่อยน้ำจากถังพักน้ำที่อยู่สูงเหนือโถ ให้ไหลกระแทกลงมาชำระของเสียให้ลงไปสู่ถังเก็บกัก แม้ว่าจะเกิดเสียงดังแต่ก็ชำระล้างสิ่งปฏิกูลลงสู่ถังเก็บกักได้อย่างหมดจด นอกจากนี้ยังมี “คอห่าน” ไว้ดักกลิ่นอย่างได้ผลอีกด้วย
และในยุคที่อะไรก็รวดเร็วติดจรวจไปเสียทั้งนั้น ส้วมก็จำต้องปรับตัวเองให้เข้ากับยุคสมัย จากเดิมที่ต้องเดินเข้าหาส้วม ตอนนี้ก็กลับกลายเป็นพกพาส้วมเคลื่อนที่ไปด้วยได้ทุกที่ เพื่อจะได้ปลดปล่อยความทุกข์ได้ตลอดเวลาอย่าง “ส้วมมือถือ” ที่ยังแบ่งออกเป็นหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ตามความสะดวกในแต่ละสถานที่ หรือแม้กระทั่งเกิดเหตุอุทกภัย หรือเหตุฉุกเฉินต่างๆ ที่ทำให้การขับถ่ายกลายเป็นเรื่องยาก มนุษย์ก็คิดค้นอุปกรณ์ที่จะช่วยให้เรื่องยากกลายเป็นเรื่องง่าย เช่น “ส้วมลอยน้ำ” ที่เห็นได้มากในช่วงเหตุการณ์อุทกภัยที่ผ่านมา
ส้วมในงานประพันธ์
ในส่วนการประพันธ์ มีการเอ่ยถึงส้วมอยู่บ้าง ทั้งในวรรณคดีและบทเพลง จากวรรณคดีเรื่อง ขุนช้างขุนแผน มีกล่าวถึงส้วมอยู่ 2 ตอน คือ ขุนช้างใส่ความขุนแผนว่า เป็นกบฏต่อพระพันวษา ข้อหาหนึ่งในจำนวนนั้นคือ ซ่องสุมผู้คนและบังอาจทำส้วมไว้ในที่อยู่ คือ การมีส้วมอยู่บนบ้านซึ่งสมัยก่อน ไม่นิยมเอาส้วม หรือ "เว็จ" มาไว้ในตัวบ้าน ดังที่ว่า
อีกตอนหนึ่งนางวันทองตัดเป็นตัดตายขุนแผน ตอนหึงนางลาวทอง นางเอกที่หัวใจสลายเพราะผัวรักอย่างวันทอง ยังระบายออกมาด้วยความคั่งแค้นว่า
จากบทความ "ศรีสำราญ" ในนิตยสารสกุลไทย เขียนโดย จุลลดา ภักดีภูมินทร์ ขยายความไว้ว่า
"ส้วมที่เป็นส้วมหลุม จะอยู่นอกบ้าน พอเต็มก็เอาดินกลบจึงย้ายแล้วปลูกเว็จใหม่
ส้วมที่ขุนแผนถ่ายทุกข์เอาไว้ ตั้งแต่ตอนแต่งงานอยู่กินเป็นผัวเมีย กระทั่งขุนแผนไปราชการงานศึกเป็นแรมปี จนของเสียที่ขุนแผนที่นอกใจถ่ายทิ้งเอาไว้เนิ่นนาน กลมกลืนกลายเป็นเนื้อเดียวกับดินใต้เว็จไปเรียบร้อยแล้ว นางวันทองก็ไม่ละ บอกว่าจะยอมลงทุนลงแรง ขุดดินแล้วพรวนเสียใหม่ กลบร่องกลิ่นรอยเก่าเสียให้สิ้น ไม่ให้มีแม้แต่กลิ่นปฏิกูลของผัวตัวดี ลอยละล่องฟ่องฟุ้งเป็นเสนียดกับบ้านและจมูกของตัวนางวันทองอีกต่อไป"...
เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดยmanman
หัวส้วมแบบคอห่านและระบบบ่อเกรอะบ่อซึม ซึ่งคนทั่วไปเรียกกันว่า “ส้วมซึม” ได้ เข้ามาแทนที่การใช้ส้วมหลุม ส้วมถังเท ช่วยให้การขับถ่ายในส้วมมีความสะดวกสบายมากขึ้น ด้วยราคาค่าก่อสร้างที่ไม่แพงนัก และยังมีใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
หรือจะมาถ่ายทุกข์ในรูปแบบของ “ธรณีส้วม” ที่มีลักษณะหน้าตาคล้ายคลึงกับรูปบ้าน แต่กลับไม่ได้ใช้สำหรับนอนเอนกาย แต่เป็นที่สำหรับทิ้งระเบิดลูกเล็กลูกใหญ่ที่ปิดบังได้แค่ร่างกายส่วนล่างเพื่อไม่ให้ประเจิดประเจ้อนัก และยังได้เห็นหน้าค่าตากันอย่างถนัดถนี่ ไม่ว่าจะหันไปสบตากับคนข้างๆ หรือจะทักทายกับคนข้างนอกก็ได้ด้วย
จนกระทั่งพัฒนามาถึง “โถสุขภัณฑ์แบบนั่งราบ” แบบแท้งก์น้ำสูง หรือจะเรียกว่าเป็นส้วมแบบชักโครกในสมัยแรก ที่ได้รับความนิยมในวังต่างๆ ตั้งแต่ปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นต้นมา มีกลไกดึงโซ่ปล่อยน้ำจากถังพักน้ำที่อยู่สูงเหนือโถ ให้ไหลกระแทกลงมาชำระของเสียให้ลงไปสู่ถังเก็บกัก แม้ว่าจะเกิดเสียงดังแต่ก็ชำระล้างสิ่งปฏิกูลลงสู่ถังเก็บกักได้อย่างหมดจด นอกจากนี้ยังมี “คอห่าน” ไว้ดักกลิ่นอย่างได้ผลอีกด้วย
ลักษณะอุจระหรือขี้ที่สมบูรณ์ |
ส้วมในงานประพันธ์
ในส่วนการประพันธ์ มีการเอ่ยถึงส้วมอยู่บ้าง ทั้งในวรรณคดีและบทเพลง จากวรรณคดีเรื่อง ขุนช้างขุนแผน มีกล่าวถึงส้วมอยู่ 2 ตอน คือ ขุนช้างใส่ความขุนแผนว่า เป็นกบฏต่อพระพันวษา ข้อหาหนึ่งในจำนวนนั้นคือ ซ่องสุมผู้คนและบังอาจทำส้วมไว้ในที่อยู่ คือ การมีส้วมอยู่บนบ้านซึ่งสมัยก่อน ไม่นิยมเอาส้วม หรือ "เว็จ" มาไว้ในตัวบ้าน ดังที่ว่า
มันปลูกตำหนักป่าพลับพลาแรม
ค่ายป้อมล้อมแหลมเป็นหน้าฉาน
ค่ายป้อมล้อมแหลมเป็นหน้าฉาน
ตั้งที่ลงบังคนชอบกลการ
นานไปก็จะเกิดกลีเมือง
นานไปก็จะเกิดกลีเมือง
ทั้งน้ำมันกระจกกระแจะแป้ง
จะทิ้งไว้ให้แห้งเป็นสะเก็ด
จะทิ้งไว้ให้แห้งเป็นสะเก็ด
ให้สิ้นวายหายชาติของคนเท็จ
จะขุดเว็จฟื้นดินให้สิ้นรอย
จะขุดเว็จฟื้นดินให้สิ้นรอย
จากบทความ "ศรีสำราญ" ในนิตยสารสกุลไทย เขียนโดย จุลลดา ภักดีภูมินทร์ ขยายความไว้ว่า
"ส้วมที่เป็นส้วมหลุม จะอยู่นอกบ้าน พอเต็มก็เอาดินกลบจึงย้ายแล้วปลูกเว็จใหม่
ส้วมที่ขุนแผนถ่ายทุกข์เอาไว้ ตั้งแต่ตอนแต่งงานอยู่กินเป็นผัวเมีย กระทั่งขุนแผนไปราชการงานศึกเป็นแรมปี จนของเสียที่ขุนแผนที่นอกใจถ่ายทิ้งเอาไว้เนิ่นนาน กลมกลืนกลายเป็นเนื้อเดียวกับดินใต้เว็จไปเรียบร้อยแล้ว นางวันทองก็ไม่ละ บอกว่าจะยอมลงทุนลงแรง ขุดดินแล้วพรวนเสียใหม่ กลบร่องกลิ่นรอยเก่าเสียให้สิ้น ไม่ให้มีแม้แต่กลิ่นปฏิกูลของผัวตัวดี ลอยละล่องฟ่องฟุ้งเป็นเสนียดกับบ้านและจมูกของตัวนางวันทองอีกต่อไป"...
เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดยmanman